“เหลือดีกว่าขาด” แนวคิดนี้ใช้กับการทำประกันชีวิตได้จริงหรือ

หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “เหลือดีกว่าขาด” มานานมากแล้ว เป็นวลีที่ใช้ได้เกือบทุกสถานการณ์ทีเดียว ประมาณว่าทำอะไรก็ให้เหลือไว้ก่อน เพราะถ้าขาดแล้วมันจะวุ่นวาย แต่แนวคิดนี้จะใช้กับการทำประกันชีวิตได้ดีหรือไม่ เราคงต้องมาขยายความให้ชัดเจนกันอีกสักหน่อย เพราะความจริงแล้ว หากอยากทำประกันชีวิตให้มีประสิทธิภาพ จะต้องตั้งอยู่บนเงื่อนไขที่ว่าไม่ขาดและไม่เกินต่างหาก

ผลเสียที่จะมาพร้อมกับการทำประกันชีวิตแบบ “ขาด”
    พูดให้เข้าใจกันง่ายๆ ก็คือ เลือกทำประกันชีวิตโดยเน้นความประหยัดเป็นตัวตั้ง แล้วตัดส่วนที่คิดว่าอาจจะไม่จำเป็นออกไป เพื่อลดอัตราการจ่ายเบี้ยให้น้อยลง มันอาจจะสร้างความสบายใจให้กับผู้เอาประกันในช่วงแรกก็จริง แต่ในระยะยาวเราก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้นบ้าง สิ่งที่คิดว่ามันไม่จำเป็น ไม่แน่ว่าจะกลายเป็นสิ่งสำคัญขึ้นมาในวันหนึ่ง ก็เหมือนกับการทำประกันรถยนต์ ที่เรารู้กันดีว่าตอนที่มีประกันติดรถนั้นไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่พอประกันขาดเมื่อไรก็มักจะมีเรื่องให้ปวดหัวอยู่ตลอด ผลเสียที่จะเกิดขึ้นแน่นอนกับการทำประกันแบบขาดก็คือ เราจะไม่มีตัวช่วยในการลดความเสี่ยงในบางส่วน และส่วนนั้นอาจทำให้เราลำบากอย่างมากได้เหมือนกัน

ทำประกันชีวิตแบบ “เกิน” ไว้ก่อนก็ใช่ว่าจะดี
    การทำแบบเผื่อเอาไว้ก่อน จะมีข้อดีในแง่ของความคุ้มครองที่ครอบคลุม เรียกว่าไม่ต้องกลัวเลยว่าจะมีเหตุอะไร ในเมื่อประกันชีวิตดูแลได้ทั้งหมด แต่มันก็จะมีปัญหาในส่วนของการจ่ายเบี้ย ยิ่งฟังก์ชันการดูแลมีมากเท่าไร อัตราจ่ายเบี้ยก็ย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย หากทำประกันแบบไม่มีการวางแผนมาดีพอ จากตัวช่วยที่จะมาลดความเสี่ยงให้กับเรา อาจกลายเป็นภาระก้อนโตที่ทำให้ต้องตกอยู่ในภาวะเครียดทุกๆ รอบการจ่ายเบี้ย ยิ่งกว่านั้น ถ้าไม่สามารถจ่ายเบี้ยได้ตามสัญญา ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ไม่คุ้มตามที่คาดหวังเอาไว้ด้วย

สำหรับใครที่กำลังสนใจทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ เราก็ขอแนะนำ king wai insurance  ประกันที่ให้ความคุ้มครองที่คุ้มค่า พร้อมเบี้ยประกันแบบสบายๆ เพิ่มความคุ้มค่ากับการออมทรัพย์พร้อมความคุ้มครอง ต่อเนื่องสูงสุดถึง 18 ปี เพิ่มค่าเงินออมให้คุณได้บริหารเงินอย่างมีประสิทธิภาพ สิทธิประโยชน์ในการรับเงินคืนอย่างต่อเนื่องทุกปี ยิ่งถือนานยิ่งคุ้มค่ากับเงินคืนและความคุ้มครองที่มากค่าขึ้น